นางสาวอัญมณี ถิรสุทธิ์ รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยถึงทิศทางการปฏิบัติงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้กำหนดแผนกลยุทธ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อเป็นกรอบทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ ตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร โดยจัดทำ "ทิศทางการปฏิบัติงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปีงบประมาณพ.ศ. 2566 (Roadmap 66) เพื่อใช้เป็นคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถบริหารงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายทิศทางการดำเนินงานของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 2566 คือ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน มีความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชี เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันทางการเงิน และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพก้าวสู่องค์กรดิจิทัล โดยแบ่งกิจกรรมหลัก เป็น 2 ด้าน ได้แก่
1. ด้านการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ดำเนินการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความโปร่งใสผ่านการตรวจสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากผลการตรวจสอบบัญชีและข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชีไปปรับปรุงการบริหารจัดการและอํานวยประโยชน์แก่มวลสมาชิกโดยรวม โดยเข้าตรวจสอบบัญชีระหว่างปีและประจำปี แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในกลุ่มพร้อมรับการตรวจสอบ(กลุ่มที่จัดทำบัญชีและงบการเงินได้) เข้าตรวจแนะนำแก่กลุ่มพร้อมรับการตรวจสอบที่จัดทำงบการเงินโดยผู้อื่น และกลุ่มไม่พร้อมรับการตรวจสอบ (กลุ่มจัดทำบัญชี และงบการเงินไม่ได้) เข้าวางระบบบัญชี และการควบคุมภายในแก่กลุ่มจัดตั้งใหม่ ติดตามการเสนอเลิกกลุ่มอาจถูกสั่งเลิก/กลุ่มต้องเลิกตามกฎหมาย และการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ชำระบัญชี โดยมีเป้าหมาย 11,800 แห่ง รวมถึงเข้าพิสูจน์ความมีอยู่จริงของข้อมูลทางการเงินของสหกรณ์กับสมาชิก จำนวน 11,300 รายเพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับสหกรณ์ และการฝึกอบรมเศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานแก่สมาชิกสหกรณ์ จำนวน 2,800 ราย เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำธุรกรรมทาง การเงินร่วมกับสหกรณ์ รวมถึงการผลักดันให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และสมาชิกใช้แอปพลิเคชัน Smart4M ช่วยให้สมาชิกสามารถทราบข้อมูลการทำธุรกรรมของตนเองกับสหกรณ์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบความถูกต้องให้แก่สหกรณ์สหกรณ์สามารถนำข้อมูลไปวางแผนบริหารจัดการและสร้างระบบควบคุมภายในที่ดีลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตได้
2. ด้านการสอนบัญชีแก่เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมาย จำแนกเป็นการสอนบัญชีแก่บุคลากรของสถาบันเกษตรกร (สหกรณ์กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน) และการสอนบัญชีรายบุคคล ซึ่งประกอบด้วยบัญชีรับ - จ่าย ในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพแก่เกษตรกร ประชาชน เยาวชน กลุ่มเป้าหมายตามโครงการพระราชดำริและการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตร (ครูบัญชีเกษตรกรอาสา) ดังนี้
- การสอนบัญชีแก่สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของการจัดทำบัญชี งบการเงิน ยกระดับชั้นคุณภาพการควบคุมภายในสถาบันเกษตรกร ส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจรเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรโดยพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรให้จัดทำบัญชีและงบการเงินได้และ
นำข้อมูลทางบัญชีมาใช้ในการบริหารจัดการ สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีเป้าหมาย 450 แห่ง รวมถึงการส่งเสริมการจัดทำบัญชีวิสาหกิจชุมชนเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อันจะนำไปสู่การยกระดับเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการ954 แห่ง
- การสอนบัญชีรายบุคคล ส่งเสริมการจัดทำบัญชีในครัวเรือนและบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพให้เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมายพร้อมทั้งกำกับแนะนำกระตุ้นและติดตามการจัดทำบัญชี เพื่อส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้ขยายผลไปในทุกกลุ่มเป้าหมายกว่า64,000 ราย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเกษตร หรือครูบัญชี ให้เป็น Smart Farmer ด้านบัญชี เพื่อเป็นต้นแบบถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชี
รองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่หลักทั้ง ๒ ด้านแล้ว กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ยังได้กำหนดกิจกรรมการพัฒนาองค์กรได้แก่งานพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบัญชีและการสอบบัญชีงานพัฒนาบุคลากร และงานพัฒนาสารสนเทศในการให้บริการและบริหารงานภาครัฐ โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบัญชีและการสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้เข้าถึงง่ายสะดวกทันต่อสถานการณ์และผลักดันให้มีการใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดโครงสร้างและออกแบบระบบการบริหารงานให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัวกระชับทันสมัยสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกมิติ และมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถสูง พัฒนาผู้สอบบัญชีสหกรณ์เป็น Cyber Auditor เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับการดำเนินการด้านคุณธรรมและความโปร่งใสขององค์กร พัฒนารูปแบบการให้บริการประชาชนด้วยการบริหารจัดการองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริหารองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เชิงรุกรูปแบบใหม่(New Normal) ผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ Website Facebook และ YouTube รวมถึงสื่อประชาสัมพันธ์ที่เป็น Mass Media ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย และพัฒนาและการสร้างภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เป็นต้น
"กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจร่วมมือกับทุกภาคีเครือข่ายและพันธมิตรงทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไปรองอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว.
|